ผากล้วยไม้ เหวสุวัต มหัศจรรย์แห่งพืชพรรณบนเส้นทางน้ำตก

ส่งไลน์

ผากล้วยไม้ เหวสุวัต เดินป่า

จุดเด่น

เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเชื่อมระหว่างสองน้ำตก ลัดเลาะไปตามลำห้วยลำตะคอง ภายในเส้นทางจะได้ยินเสียงดังกึกก้อง ของน้ำตกผากล้วยไม้ น้ำตกซึ่งมีลักษณะเป็นสายน้ำที่ตกจากหน้าผาสูงลดหลั่นกันลงมาราว 10 เมตร ด้านล่างเป็นแอ่งกว้าง ตามหน้าผาและคบไม้ โดยรอบพบกล้วยไม้หลากชนิด โดยเฉพาะหวายแดง ซึ่งจะผลิดอกเป็นช่อยาวสีแดงโดดเด่นในช่วงเดือนเมษายน บริเวณนี้ยังพบดอกพิศวงซึ่งเจริญเติบโตใต้พื้นดิน แทงดอกขึ้นมาให้ชมความงามเฉพาะช่วงฤดฝน ขณะที่น้ำตกเหวสุวัตเป็นน้ำตกอีกหนึ่งแห่งที่ผู้รักธรรมชาติต้องหลงใหล จากความแรงของกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวตกจากความสูง 20 เมตร สาดซัดโขดหินกลายเป็นละอองน้ำกระจายไปทั่ว

ลักษณะภูมิประเทศ

เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผากล้วยไม้ น้ำตกเหวสุวัต ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ผืนป่าที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเทือกเขาพนมดงรัก มีลักษณะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน และเป็นแนวเขตที่ราบสูงโคราชซึ่งเกิดจากการยกตัวของเปลือกโลก เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกหลายแห่งในเขตอุทยานฯ ภายในเส้นทางมีสภาพป่าโดยรอบเป็นป่าดิบแล้ง และป่าไผ่ อากาศค่อนข้างชื้นตลอดทั้งปี

ผากล้วยไม้ เหวสุวัต เดินป่า

สภาพเส้นทาง

เส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผากล้วยไม้ น้ำตกเหวสุวัต มีระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง สภาพเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางเดินเลียบไปตามลำน้ำที่ค่อนข้างร่มครึ้ม เส้นทางไม่ลาดชัน ในช่วงแรกจะลัดเลาะตามลำธารโขดหินไปถึงน้ำตกผากล้วยไม้ เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร สามารถเดินสำรวจธรรมชาติบริเวณรอบน้ำตก หรือเดินลึกเข้าไปอีก 100 เมตร จะถึงโซนน้ำตกชั้นใน จากนั้นเดินเท้าต่อไปอีกราว 2 กิโลเมตร จะถึงบริเวณน้ำตกเหวสุวัต มีป้ายบอกทางเป็นระยะ นักท่องเที่ยวสามารถใช้เส้นทางได้เองโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่นำ เส้นทางบางช่วงเป็นทางเดินลาดปูนเพื่ออำนวยความสะดวก เพราะสภาพเส้นทางค่อนข้างลื่น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ในเส้นทางอาจมีทาก ควรสวมถุงกันทากป้องกันไว้

ผากล้วยไม้ เหวสุวัต เดินป่า

ออกเดินทาง

การเดินทางเพื่อสัมผัสความงดงามของผืนป่าเขาใหญ่ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกผากล้วยไม้ น้ำตกเหวสุวัต เริ่มต้นจากลานกางเต็นท์ผากล้วยไม้ ไปตามเส้นทางเล็กๆ ที่ทอดตัวเข้าสู่ผืนป่าใหญ่ เลียบเลาะสายน้ำลำตะคอง อากาศเย็นสบาย ทางเดินช่วงแรกมีการลาดปูนไว้อย่างดี เดินสะดวก ริมทางมีพืชพรรณต่างๆ ให้ศึกษามากมาย ไม่ว่าต้นยางใหญ่ที่ขึ้นแน่นหนา เช่น ยางกล่อง ยางขน ยางเสียน และกระบก บนพื้นดินยังมีไม้เล็กในวงศ์ขิงข่า รวมไปถึงพืชเล็กๆ อีกหลากชนิด หากมองไปริมลำธารจะเห็นไผ่ลำใหญ่ มีชื่อเรียกว่าไผ่ลำมะลอก ขึ้นเป็นกอใหญ่และแน่น นอกจากนี้ ยังอาจพบสัตว์ที่อาศัยและหากินตามแหล่งน้ำ เช่น นกเอี้ยงถ้ำ ผีเสื้อหลากหลายชนิด หรือฝูงนากในลำตะคอง เป็นต้น

เส้นทางในช่วงแรกสามารถพบกล้วยไม้ดินที่สำคัญอย่างน้อย 2 ชนิด คือ สิกุลคล สำต้นสูง 15-30 เซนติเมตร ออกดอกสีเหลืองเจือม่วง และอั้วข้าวตอก สูงประมาณ 60-100 เซนติเมตร ออกดอกสีขาวเป็นช่อใหญ่ โดยกล้วยไม้ดินทั้งสองชนิดนี้มีหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน ออกดอกงดงามในช่วงฤดูฝน

ผากล้วยไม้ เหวสุวัต เดินป่า

นอกจากนั้น ยังมีกล้วยไม้ขนาดเล็กที่หาดูได้ยากในปัจจุบันคือ “กล้วยส้มสยาม” ซึ่งอยู่ในกลุ่มพืชกินซาก ที่มีชีวิตอยู่ใต้ผืนดิน อาศัยเชื้อรารอบๆ ช่วยย่อยสลายอาหารตามธรรมชาติ กล้วยไม้ชนิดนี้จะไม่มีใบ มีเพียงเหง้าขนาดเล็กทอดอยู่ใต้ดิน กระทั่งเริ่มต้นฤดูฝน ความชื้นเพียงพอก็จะออกดอกสีส้มจางๆ แทงช่อออกสูงเหนือพื้นดินราว 5 เซนติเมตร ดอกทยอยกันบาน 3-7 ดอก หากสังเกตใกล้ๆ บนก้านดอกจะเห็นกาบเล็กๆ หุ้มไว้ นั่นเนินส่วนของใบที่ลดรูปลงมา ความพิเศษของกล้วยไม้ในกลุ่มนี้ไม่ใช่แค่เพียงดอกสวยหรือหายากเท่านั้น แต่ถือเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่วิวัฒนาการจนถึงขีดสูงสุดแห่งการดำรงชีวิต

จากจุดเริ่มต้นเดินเท้าใช้เวลาราว 30-50 นาที จะมาถึงบริเวณด้านหน้าน้ำตกผากล้วยไม้ ที่มีป้ายบอกอย่างชัดเจน ซึ่งผู้มาเยือนจะสัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นของผืนป่า และกล้วยไม้นานาพรรณซึ่งเป็นที่มาของชื่อน้ำตกแห่งนี้ โดยลักษณะของผากล้วยไม้ เป็นหน้าผาสูงประมาณ 10 เมตร มีน้ำไหลลัดเลาะลงไปยังด้านล่าง เนินแอ่งน้ำกว้างเหมาะสำหรับเล่นน้ำ และนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ถือเป็นบริเวณที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการศึกษาระบบนิเวศ เนื่องจากมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากมาย หมุนเวียนไปตามฤดูกาลให้ได้เรียนรู้

หากมองไปตามหน้าผาและคบไม้จะพบกล้วยไม้และนมตำเลียที่ขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะกล้วยไม้หวายแดง ที่จะผลิช่อดอกสีแดงสดในช่วงฤดูร้อนประมาณเดือนเมษายน หวายแดงเป็นกล้วยไม้ที่สามารถขึ้นบนหิน สาเหตุที่พบมากในบริเวณน้ำตกผากล้วยไม้ เพราะบริเวณนี้สภาพอากาศเหมาะสมกับการเจริญเติบโต โดยเฉพาะละอองน้ำที่โปรยปรายให้ความชุ่มชื้นตลอดเวลา และเมื่อเดินไปตามโขดหินอีกประมาณ 100 เมตร ก็จะพบกับน้ำตกชั้นในของผากล้วยไม้ที่มีความงดงามไม่แพ้กัน

ผากล้วยไม้ เหวสุวัต เดินป่า

ไม่เพียงความงดงามของหวายแดงเท่านั้น แต่พืชชนิดสำคัญที่นักเดินป่าให้ความสนใจเส้นทางสายนี้ นั้นก็คือ พืชเฉพาะถิ่นชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่าต้น “พิศวง” ถือเป็นพืชหายากที่สุดชนิดหนึ่งในประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ในป่าดิบที่มีความชื้นสูง เช่น บริเวณน้ำตกผากล้วยไม้แห่งนี้ ความมหัศจรรย์ของต้นพิศวง คือ เป็นพืชกินซากที่ไม่สามารถสังเคราะห์แสงด้วยตัวเอง จึงไม่มีลำต้นหรือใบโผล่ออกมาให้เห็นเหมือนต้นไม้ทั่วไป มักซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนดิน อาคัยเชื้อรารอบๆ ช่วยย่อยสลายซากพืชเป็นอาหาร เหลือเพียงเหง้าเล็กๆ ใต้ดิน เมื่อเข้าฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายน พิศวงจะผลิดอกสูงขึ้นจากดินประมาณ 7 เซนติเมตร มีใบคล้ายเกล็ดรูปวงรีแกมสามเหลี่ยม มีดอก 1-2 ดอก วงกลีบประดับมี 3 กลีบ สีน้ำเงินเข้ม หลอดกลีบรูปคนโทสีเดียวกัน ลำต้นเป็นหลอดยาวสีขาว ดอกพิศวงจะบานเพียงไม่กี่วันก็สลายไป

ผากล้วยไม้ เหวสุวัต เดินป่า

จากนั้น เดินเลาะไปตามสายน้ำลำตะคอง มีพรรณไม้ต่างๆ ให้ชมตลอดทาง จนเข้าสู่ประมาณกิโลเมตรที่สอง บริเวณนี้มีจุดที่สามารถชมจระเข้น้ำจืด ซึ่งมีผู้พบว่าออกมานอนอาบแดดอยู่ริมตลิ่ง หรือบนขอนไม้กลางน้ำอยู่เป็นประจำ โดยทางอุทยานๆ ได้นำป้ายเตือนนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวัง เมื่อเข้าสู่บริเวณนี้ สำหรับจระเข้น้ำจืดในประเทศไทยนั้น แต่เดิมเคยพบชุกขุมในบริเวณแหล่งน้ำทุกภาค โดยเฉพาะในแถบที่ราบลุ่มภาคกลาง ทว่าปัจจุบันแทบหมดไปจากแหล่งธรรมชาติ นอกจากจระเข้น้ำจืดแล้ว ยังมีสัตว์ป่าอีกหลายชนิดที่สามารถพบเห็นได้ตลอดเส้นทาง อาทิ นกแต้วแล้วธรรมดา หากินตามพื้นป่า ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ฟ้าหลังขาว ผีเสื้อ และแมลงอีกมากมาย

ถัดจากนี้ไปเส้นทางเดินป่าจะเข้าสู่ป่าไผ่ที่สามารถพบเห็ดสารพัดชนิด และหากโชคดีมีโอกาสเจอกับกล้วยไม้กินซากที่หายากอีกชนิดคือ เถาไม้ดิบ สีชมพูอมแดงแปลกตาที่แทงยอดขึ้นมาจากผืนป่า หากต้องการชมความงาม ต้องขึ้นมาชมให้ตรงกับเวลาที่ผลิดอกในช่วงฤดูฝนเท่านั้น จากจุดนี้ ใช้เวลาอีกเพียง 15 นาที จะถึงน้ำตกเหวสุวัต ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าน้ำตกผากล้วยไม้ มีความสูงประมาณ 20 เมตร ลดหลั่นกันลงมาตามหน้าผาชัน ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำ ซึ่งทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้เล่นน้ำบริเวณนี้ เพราะกระแสน้ำแรงมาก โดยเฉพาะในฤดูฝน เกรงว่าอาจเกิดอันตรายถึงชีวิต แต่รอบน้ำตกยังมีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวพักผ่อน สัมผัสความเย็นชุ่มชื่นของละอองน้ำ หากมาถึงในช่วงที่แสงแดดส่องตัวน้ำตก อาจได้เห็นรุ้งหลากสีขึ้นเป็นวงรอบน้ำตกอย่างงดงาม ส่วนในช่วงฤดูแล้งที่น้ำน้อย นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินเล่นได้ถึงโพรงใต้น้ำตก แต่ใครจะรู้บ้างว่าน้ำตกทั้งสองแห่งนี้ก่อกำเนิดจากการระเบิดของภูเขาไฟในกาลก่อน ย้อนหลังไปนับล้านปี ภายหลังที่ตะกอนภูเขาไฟเย็นตัวลงแล้ว สายน้ำที่กัดกร่อนหินภูเขาไฟเหล่านั้นได้สร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของสายน้ำที่ไหลตกจากหน้าผาหินอย่างที่เห็นทุกวันนี้

จากน้ำตกเหวสุวัตสามารถเดินไปยังทางออกสู่ลานจอดรถ นับว่าเป็นอันสิ้นสุดเส้นทาง แม้ระยะทางจะไม่ไกลมากแต่สำหรับนักเดินป่าศึกษาธรรมชาติแล้ว นี่คืออีกหนึ่งเส้นทางที่ควรค่าแก่การมาเยือน

ผากล้วยไม้ เหวสุวัต เดินป่า

พืชกินซาก ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ

กล้วยไม้บนเขาใหญ่หลายชนิด อยู่ในตระกูลพืชกินซาก ถือเป็นไม้หายากและพืชประจำถิ่นที่มีวิถีการดำรงชีวิตที่แปลกแตกต่างจากพืชทั่วไป เพราะอาศัยอยู่ในความมืดใต้พื้นดินไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ตามปกติ ต้องพึ่งพาเชื้อราทั้งที่เจริญอยู่ภายในต้นและรอบๆ ต้นช่วยย่อยสลายซากใบไม้ กิ่งไม้เป็นอาหาร โดยลักษณะต้นที่อยู่ใต้ดินจะเป็นหัวรูปร่างคล้ายปะการัง หรือต้นทอดขนานแล้วแต่ชนิด

พืชกินซากจะโผล่พ้นเหนือผืนดินขึ้นมาให้เห็นเฉพาะช่วงที่มีดอกเท่านั้น ผู้ที่สนใจจึงต้องคอยสังเกตให้ดีระหว่างเดินป่า พืชกลุ่มนี้ผลิดอกในช่วงฤดูฝน เติบโตได้ดีในที่ร่มครึ้ม และมีซากใบไม้ทับถม ในป่าเขตร้อนของประเทศไทยพบพืชกินซากอยู่หลายสกุลด้วยกัน อาทิ ต้นพิศวง กล้วยส้มสยาม ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นพันธุ์ไม้ที่ค่อนข้างหายาก เพราะเกิดไฟป่าบ่อยครั้ง และมีการลักลอบขุดเพื่อนำไปขาย

ฤดูกาลที่เหมาะสม

สามารถเข้าไปใช้เส้นทางได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน เป็นช่วงเวลาที่สภาพป่าสมบูรณ์ที่สุด และน้ำตกมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก

ที่ตั้งและการติดต่อ

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตู้ ปณ.9 ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 30130

เรี่มต้นการเดินทาง

จากทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) มุ่งหน้าสู่จังหวัดสระบุรี ก่อนถึงสระบุรีเลี้ยวขวาขึ้นสะพานไปตามทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) แล้วเลี้ยวขวาตรงทางแยกก่อนถึงอำเภอปากช่อง บริเวณ กม.ที่ 56 ไปตามทางหลวงหมายเลข 2090 (ถนนธนะรัชต์) เมื่อผ่านจุดตรวจบริเวณทางขึ้นเขาใหญ่บริเวณ กม.ที่ 23 สภาพถนนจะคดเคี้ยวไต่ขึ้นเขาเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ระหว่างทางมีจุดชมวิวทิวทัศน์ โป่งช้าง และดงกระทิง หรือจากทางอำเภอเมืองจังหวัดปราจีนบุรี สามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 3077 วิ่งจากสี่แยกเนินหอมมาประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงจุดตรวจ จากนั้นขับขึ้นเขาอีก 40 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จุดเริ่มต้นเส้นทางเดินศึกษาธรรมซาติน้ำตกผากล้วยไม้ น้ำตกเหวสุวัต อยู่บริเวณจุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้ ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ประมาณ 7 กิโลเมตร

สอบถาม ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โทรศัพท์ 086-092-6529, 086-092-6531

  • dnp.go.th
  • folktravel.com
  • trekkingthai.com
  • khaoyai.org
  • khaoyaizone.com
  • thailand72hrsamazing.com
  • journeytothailand.com
  • tontantravel.com
ส่งไลน์